Human Rights Dictionary : ศัพท์สิทธิมนุษยชน

 

 

A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z ALL

FACT-FINDING

คำแปล : การค้นหาข้อเท็จจริง / การไต่สวนข้อเท็จจริง

ความหมาย :

Fact–Finding มีความหมายสองนัยคือ ความหมายทั่วไป หมายถึง “กระบวนการค้นหาข้อเท็จจริง(Fact-Finding Process)” และความหมายเฉพาะ หมายถึง “ภารกิจไต่สวนข้อเท็จจริง (Fact-Finding Mission / Trip)” “กระบวนการการค้นหาไต่สวนข้อเท็จจริง”หมายถึงการดำเนินการใดๆ ที่ทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ ข้อพิพาท หรือ แนวทางเพื่อยุติข้อพิพาทนั้น “ภารกิจไต่สวนข้อเท็จจริง” หมายถึง กลไกในการไต่สวนข้อเท็จจริง อันเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่ากลไกนั้นจะตั้งให้บุคคลคนเดียว หรือ คณะบุคคลเพื่อดำเนินการหาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยจะต้องทำรายงานกลับไปยังองค์กรที่แต่งตั้ง เช่น องค์การระหว่างประเทศ คณะกรรมการระหว่างประเทศ หรือ องค์กรพัฒนาเอกชนการไต่สวนข้อเท็จจริงมีความสำคัญอย่างยิ่งในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เช่น การสังหารหมู่ หรือ การก่อมลพิษอย่างร้ายแรงที่กระทบต่อบุคคลจำนวนมาก


FAIR TRIAL, THE RIGHT TO

คำแปล : สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม

ความหมาย :

สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของบุคคลที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง สิทธินี้ได้รับการรับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14และอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคของทุกภูมิภาค นอกจากนั้นสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม เป็นหลักกฎหมายทั่วไปที่รับรองโดยนานาอารยประเทศ หลักการนี้ได้รับการรับรองโดยกฎหมายมหาชนของประเทศต่าง ๆ เกือบทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมเป็นคำที่มีความหมายกว้างและมีองค์ประกอบ หรือปัจจัยหลายด้านที่จะทำให้สิทธินี้เกิดเป็นจริงขึ้นเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย เช่น โจทก์จำเลย อัยการ ทนายความหรือที่ปรึกษาคดี เจ้าพนักงานสอบสวนในคดีอาญาและศาล ดังนั้นกฎหมายภายในประเทศจึงได้สร้างระเบียบ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินคดี เพื่อทำให้การดำเนินคดีเกิดความเป็นธรรม กฎเกณฑ์เหล่านี้บัญญัติอยู่ในกฎหมายวิธีพิจารณาความ (Procedural Law) นอกจากนั้นประเทศต่าง ๆได้ร่วมกันกำหนดมาตรฐาน และหลักการเพื่อเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความเป็นธรรมในการดำเนินคดี เช่น องค์หลักการว่าด้วยความเป็นอิสระของผู้พิพากษา/ตุลาการ (ดู BODY OF PRINCIPLES ON THEINDEPENDENCE OF THE JUDICIARY) การกำหนดให้ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะมีทนายความ สิทธิในการนำพยานเข้าสืบและการพิจารณาคดีกระทำโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นต้น


FALSE TESTIMONY

คำแปล : เบิกความเท็จต่อศาล

ความหมาย :

การให้ถ้อยคำ หรือแสดงข้อความ ในฐานะเป็นพยานต่อศาลในการพิจารณาคดีกฎหมายกำหนดให้การเบิกความเท็จต่อศาลเป็นความผิดอาญา ไม่ว่าคดีแพ่งหรือคดีอาญา การเบิกความเท็จนั้น บุคคลผู้เบิกความเท็จจะต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นความเท็จ ถ้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นความเท็จไม่ถือว่าเป็นการเบิกความเท็จ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 บัญญัติความผิดเกี่ยวกับการเบิกความเท็จต่อศาลว่า “ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท” อนึ่ง จำเลยที่เบิกความในคดีอาญาที่ฟ้องตนว่า กระทำความผิดจะไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ เนื่องจากแนวคิดตามกฎหมายมีว่า บุคคลทุกคนมีสัญชาตญาณรักตัวเองและจำเป็นต้องปกป้องให้ตนเองพ้นภัยนอกจากนั้นหลักกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญามีว่า บุคคลมีสิทธิที่จะไม่ให้การใด ๆ เลยก็ได้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบพยานหลักฐานให้ศาลเห็นว่า จำเลยกระทำผิด


FASCISM

คำแปล : ลัทธิฟาสซิสต์

ความหมาย :

ระบบการปกครองที่ผู้นำของประเทศรวบอำนาจการบริหารทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมไว้ทั้งหมด และมีนโยบายชาตินิยมอย่างรุนแรง ลัทธิทางการเมือง ลัทธินี้เกิดขึ้นในประเทศอิตาลี โดยการนำของนายเบนีโต มุสโสลินี (Benito Mussolini) นายกรัฐมนตรีประเทศอิตาลีระหว่าง ค.ศ. 1919 – 1922 (พ.ศ. 2462 - 2465) ลักษณะสำคัญของลัทธินี้มีดังนี้ • เน้นการมีพรรคการเมืองพรรคเดียว • การกำหนดนโยบายปกครองที่ดีควรกระทำโดยชนชั้นนำ (ไม่ใช่ปกครองโดยประชาชน) • มีการยอมรับกรรมสิทธิในทรัพย์สินของปัจเจกชน แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมจะถูกจำกัดและถูกชี้นำโดยรัฐบาล • เน้นใช้กำลังและความรุนแรง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายผู้นำและให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างกว้างขวาง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของผู้นำ ลัทธินี้ได้แผ่ขยายไปยังประเทศต่าง ๆ ในอเมริกาใต้ แอฟริกาและเอเชีย อย่างรวดเร็ว ภายหลังจากประเทศเหล่านั้นได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นอาณานิคม เนื่องจากต้องการสร้างความเป็นเอกภาพของชาติและต้องการผู้นำที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด


FEMALE GENITAL MUTILATION

คำแปล : การทำลายอวัยวะเพศหญิง

ความหมาย :

การทำลายอวัยวะเพศหญิง ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมที่เป็นอันตรายต่อชีวิต อนามัย และสุขภาวะของหญิง การทำลายอวัยวะเพศหญิง มีสามวิธี คือ วิธีแรก เป็นการขลิบคลิตอริสของหญิง (Clitoridectomy) ไม่ว่าจะเป็นการขลิบทั้งหมดหรือบางส่วนของคลิตอริสของหญิงวิธีที่สอง เป็นการตัด คลิตอริสและแคมอวัยวะเพศหญิงทั้งสองข้าง (Excision) และวิธีที่สาม เป็นการตัดอวัยวะเพศทั้งหมดของหญิง รวมไปถึงเนื้อเยื่อโดยรอบ เป็นการทำให้เกิดเนื้อเยื่อเพื่อปิดช่องคลอดโดยวิธีการตัดอวัยวะทางเพศของหญิงและเย็บติดกัน (Infibulations) คงเหลือเพียงช่องทางเล็กๆสำหรับให้รอบเดือน และปัสสาวะไหลผ่านออกมาได้เท่านั้น การกระทำทางศาสนาและวัฒนธรรมดังกล่าวเป็นวิธีการอันโหดร้ายทารุณ และเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากปกติการขลิบ หรือตัดอวัยวะเพศหญิงดังกล่าวนี้มักจะกระทำต่อหญิงตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ ซึ่งเด็กจะมีความเจ็บปวดทรมาน และในสมัยก่อนมักจะกระทำโดยใช้ไม้ไผ่ที่เหลาให้บางเฉียบ ตัดอวัยวะเพศหญิง จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเจ็บปวดทรมานมาก เป็นวิธีการที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนด้านชีวิต ร่างกาย อนามัย และเสรีภาพตลอดจนโอกาสในการดำรงชีพตามแต่ที่บุคคลจะเลือก ปัจจุบันจึงได้มีการเรียกร้องให้มีการยกเลิกพิธีกรรมดังกล่าว แต่กลุ่มชนที่เชื่อมั่นในพิธีกรรมดังกล่าวนี้ก็ยังไม่ยอมเลิกปฏิบัติ


FEMINIST

คำแปล : นักสตรีนิยม / บุคคลที่เรียกร้องสิทธิสตรี

ความหมาย :

บุคคลที่มีความเชื่อ และเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างเพศชายและเพศหญิง เดิมนักสตรีนิยมจะเรียกร้องความเท่าเทียมทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการทำงาน ต่อมาได้ขยายความสนใจไปสู่ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว การคุกคามทางเพศ และการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อสตรีด้วย ในอดีตผู้หญิงมีบทบาททางสังคมค่อนข้างน้อย และความรับผิดชอบต่าง ๆ ภายในครัวเรือนก็ตกเป็นหน้าที่ของผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว โดยมีรูปแบบและความเข้มงวดที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นและวัฒนธรรม เช่น การที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิเลือกตั้ง การที่ผู้หญิงไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้ด้วยตนเองการที่ผู้หญิงต้องรับผิดชอบกิจการต่าง ๆ ในครัวเรือน โดยไม่มีโอกาสหารายได้จากการทำงานเลี้ยงตนเอง จะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากชายผู้เป็นสามีเท่านั้น หรือการได้รับค่าจ้างต่ำกว่าผู้ชายในงานประเภทเดียวกัน เป็นต้น จนกระทั่งมีการเรียกร้องสิทธิสตรีในด้านต่าง ๆ ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเหนือเนื้อตัวร่างกายของตน สิทธิที่จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ สิทธิในการเลือกตั้งสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างเท่ากับเพศชายในงานประเภทเดียวกัน รวมถึงสิทธิบางประเภทที่เป็นสิทธิเฉพาะเพศหญิงเท่านั้น เช่น สิทธิในการลาคลอด เป็นต้น


FINAL ACT

คำแปล : กรรมสารขั้นสุดท้าย

ความหมาย :

กรรมสารสุดท้าย เป็นเอกสารซึ่งรวบรวมผลการประชุมขั้นสุดท้ายเพื่อสรุปอนุสัญญา เช่นกรรมสารสุดท้ายของการประชุมกรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ซึ่งเป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของการประชุม ระบุรัฐหรือประมุขของรัฐที่เข้าร่วมประชุม ผู้แทนซึ่งร่วมเจรจา และเอกสารซึ่งที่ประชุมรับรอง นอกจากนี้ยังระบุมติ แถลงการณ์ และข้อเสนอแนะซึ่งที่ประชุมยอมรับแต่ไม่ได้บรรจุไว้เป็นบทบัญญัติของอนุสัญญา บางกรณีกรรมสารสุดท้ายยังระบุการตีความบทบัญญัติในเอกสารทางการซึ่งที่ประชุมรับรองด้วย


FINE

คำแปล : 1. โทษปรับ 2. ค่าปรับ

ความหมาย :

1. โทษปรับ โทษอาญาชนิดหนึ่ง ที่จำเลยต้องชำระเงินตามจำนวนที่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งจำนวนเงินที่ศาลลงโทษปรับนั้นจะกำหนดไว้ในฐานความผิด ซึ่งศาลอาจพิจารณาลดจำนวนเงินค่าปรับได้ตามเหตุแวดล้อมของคดี ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทยกำหนดว่า หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา จำเลยอาจถูกยึดทรัพย์สินใช้เป็นค่าปรับ หรือถูกกักขังแทนค่าปรับ อย่างไรก็ตาม หากศาลมีเหตุสงสัยว่าจำเลยจะไม่ชำระค่าปรับ ศาลอาจสั่งให้กักขังจำเลยแทนค่าปรับไปก่อนก็ได้โดยกฎหมายจะกำหนดอัตราค่าปรับ ซึ่งคิดจากฐานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเกณฑ์การกักขังแทนค่าปรับจะคิดเป็นค่าปรับอัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวันและหากจำเลยเคยถูกควบคุมตัวมาก่อนไม่ว่า จะเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล ศาลจะนำวันที่จำเลยถูกควบคุมตัวมาหักออกจากวันขังด้วย อนึ่ง ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองข้อ 11 กำหนดห้ามจำคุกบุคคลเนื่องจากไม่ชำระหนี้ทางแพ่ง ในความผิดบางอย่างที่ไม่ร้ายแรง เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอาจกำหนดค่าปรับได้ เช่น การปรับตามกฎจราจร ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับผังเมืองหรือความผิดเกี่ยวกับการอนุญาตต่าง ๆ เป็นต้น 2. ค่าปรับ เงินที่จำเลยชำระตามคำพิพากษาของศาล หรือตามคำสั่งของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่มีอำนาจปรับตามกฎหมาย เงินค่าปรับจะตกเป็นของแผ่นดินซึ่งต่างจากค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับในคดีแพ่งที่จำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์ยกเว้นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้เสียหายได้ค่าปรับไปครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะว่าการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเรื่องทางแพ่ง


FIT AND PROPER

คำแปล : คุณสมบัติและความประพฤติที่เหมาะสม

ความหมาย :

คำที่ใช้เรียกเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อใได้บุคคลที่เหมาะสมทั้งในด้านคุณวุฒิ ความสามารถ และความประพฤติ ในการปฏิบัติงานตามตำแหน่งนั้นให้เกิดประสิทธิภาพ เกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติและความประพฤติ มักใช้ในการสรรหาตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ในการบริหารภาครัฐ หรือการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์กรอิสระ รวมถึงการพิจารณาใบอนุญาตวิชาชีพที่ควบคุมโดยรัฐ ตลอดจนผู้ที่ได้รับการโอนอำนาจจากรัฐในการให้บริการสาธารณะ เช่น คุณสมบัติของผู้รับสัมปทาน เป็นต้น คำนี้ยังใช้ในภาคธุรกิจเอกชนในการพิจารณาการดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ๆ เช่น กรรมการบริหารบริษัท เป็นต้น แต่ละองค์กรจะกำหนดเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาคุณสมบัติและความประพฤติให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) มาตรา 6 ดังนี้ “ประธานกรรมการและกรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ (3) ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (4) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งของพรรคการเมือง (5) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (6) ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ (7) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (8) ไม่เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล (9) ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันได้รับการเสนอชื่อ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท (10) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือจากหน่วยงานของเอกชนเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือ เพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (11) ไม่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ (12) ไม่เป็นกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (13) ไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง” เกณฑ์ที่ใช้สำหรับการพิจารณาเกี่ยวกับคุณสมบัติและและความประพฤติที่เหมาะสม จะใช้คำว่า “Fit and Proper Test” ส่วนการประเมินบุคคลตามเกณฑ์ดังกล่าวใช้ว่า “Fit and Proper Assessment” บุคคลที่ผ่านเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและความประพฤติที่เหมาะสมก็จะเรียกว่า “Fit and Proper Person”


FORCED / ENFORCED DISAPPEARANCE

คำแปล : การทำให้หายตัวไปโดยใช้กำลัง/อุ้มหาย

ความหมาย :

การทำให้หายตัวไปโดยใช้กำลัง หมายถึง การหายตัวของบุคคลโดยไม่เต็มใจเกิดจากการลักพาตัวและทำให้หายไปจากชีวิตปกติและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นกระทำโดยรัฐ หรือบุคคล กลุ่มองค์กรอาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งรัฐอาจรู้เห็นเป็นใจการกระทำ หรือโดยปฏิเสธ หรือการไม่รับรู้การหายตัวไปของบุคคล การลักพาตัวโดยมีการฆ่าด้วยหรือไม่ก็ตามมีความเกี่ยวข้องกับระบบกระบวนการยุติธรรมของรัฐ เนื่องจากบุคคลที่สูญหายในหลายกรณีอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยจากการกล่าวหาของรัฐ ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ จึงได้ใช้วิธีการนอกกฎหมายในการข่มขู่ และทำลายชีวิตของบุคคล ในหลายกรณีมักปรากฏว่ามีการทรมานในกระบวนการบังคับให้หายตัวไปด้วย


FORFEITURE OF PROPERTY

คำแปล : ริบทรัพย์สิน

ความหมาย :

โทษทางอาญาประเภทหนึ่งที่ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินสั่งให้ทำลาย หรือสั่งให้ทำให้ใช้ไม่ได้ กฎหมายกำหนดประเภทของทรัพย์สินที่ศาลสั่งยึดได้สามประเภทด้วยกัน คือ 1. ทรัพย์สินที่ผู้ใดมีไว้ หรือทำขึ้นเป็นความผิด เช่น ยาเสพติดให้โทษประเภทที่กฎหมายห้าม หรือสินค้าปลอม 2. ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด เป็นทรัพย์สินที่ผู้ใดครอบครองหรือมีไว้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่จำเลยได้ใช้ทรัพย์นั้นกระทำผิดหรือเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด เช่น มีดที่ใช้ทำร้ายร่างกาย 3. ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด เช่น สินบนที่เจ้าพนักงานรับไว้เพื่อจูงใจให้กระทำทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือไม้ที่จำเลยลักลอบตัดจากป่าสงวน


FORMAL EDUCATION

คำแปล : การศึกษาในระบบ

ความหมาย :

กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติผ่านทางการฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรมการสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ ที่กำหนดจุดมุ่งหมายวิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษาในระบบของไทย ประกอบไปด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาในขั้นอุดมศึกษา โดยการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆคือ ระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ยังแบ่งออกเป็นประเภทสามัญศึกษาและประเภทอาชีวศึกษา ส่วนการศึกษาขั้นอุดมศึกษาได้แบ่งออกเป็นระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต ปริญญาโทและปริญญาเอก การศึกษาในระบบมีความสำคัญในการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนให้กับสังคม สหประชาชาติได้แนะนำประเทศสมาชิกบูรณาการเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเข้ากับหลักสูตรของการศึกษาในระบบทุกระดับชั้น


FOUR FREEDOMS

คำแปล : อิสรภาพสี่ประการ

ความหมาย :

อิสรภาพสี่ประการ เป็นสุนทรพจน์ทางการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ แห่งสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1941 ( พ.ศ. 2484) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสันติภาพของโลกจะดำรงอยู่ได้นั้นขึ้นอยู่กับอิสรภาพสี่ประการของประชาคมโลก อันประกอบด้วย • อิสรภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression) • อิสรภาพในการนับถือศาสนา (Freedom of Worship) • อิสรภาพในการพ้นจากความขาดแคลน (Freedom from Want) • อิสรภาพในการปราศจากความกลัว (Freedom from Fear) สุนทรพจน์เรื่อง “อิสรภาพสี่ประการ” เป็นแนวคิดสำคัญในการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติและเป็นหลักการสำคัญในการจัดทำปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ดังจะเห็นได้ว่าสิทธิเสรีภาพที่รับรองโดย UDHR ได้สะท้อนอิสรภาพสี่ประการนี้


FRAUD

คำแปล : การฉ้อฉล

ความหมาย :

การฉ้อฉล ในความหมายของกฎหมายสนธิสัญญา หมายถึงการฉ้อฉลในการเจรจาหรือทำสนธิสัญญา ซึ่งอนุสัญญากรุงเวียนนา ค.ศ. 1969 ได้กำหนดไว้ว่า “หากรัฐภาคีใดถูกโน้มน้าวชักจูงให้เข้าทำสนธิสัญญาเพราะถูกกลฉ้อฉลโดยพฤติกรรมของรัฐภาคีที่เข้าร่วมเจรจาอื่น รัฐที่ถูกฉ้อฉลนั้นอาจจะกล่าวอ้างเหตุแห่งการถูกฉ้อฉลนั้นขึ้นเพื่อเป็นเหตุแห่งความไม่สมบูรณ์ของการแสดงเจตนายินยอมของรัฐเพื่อผูกพันตามสนธิสัญญานั้นได้” เหตุแห่งความไม่สมบูรณ์ในกรณีนี้ได้แก่ การแสดงข้อความที่ไม่เป็นความจริง (False Statements) การแสดงข้อความทำให้เข้าใจผิด (Misrepresentations) หรือการประพฤติหลอกลวง (Deceitful Conducts) ของรัฐภาคีใดที่ทำให้รัฐอื่นให้ความยินยอมในการผูกพันตามสนธิสัญญา ซึ่งถ้าหากว่ารัฐเช่นว่านั้นได้รู้ข้อความจริงแล้วย่อมจะไม่ให้ความยินยอมเพื่อผูกพันตามสนธิสัญญา ดังนั้นรัฐที่ถูกฉ้อฉลจึงสามารถกล่าวอ้างความไม่สมบูรณ์แห่งการแสดงเจตนาเช่นว่านั้นได้


FREE AND FAIR ELECTION

คำแปล : การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม

ความหมาย :

กระบวนการทางการเมืองที่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยสามารถกำหนดรูปแบบของรัฐบาลและทิศทางนโยบายในอนาคตของรัฐบาลของประเทศของตน โดยอาศัยการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจการปกครองอย่างสันติและเพื่อให้ผู้ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งยอมรับผลของการเลือกตั้ง และยอมถ่ายโอนอำนาจไปสู่รัฐบาลใหม่อย่างราบรื่น การเลือกตั้งเสรีและยุติธรรมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ต้องประกอบไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น • ประชาชนทุกคนทั้งชายและหญิงต้องมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการจำกัดสิทธิดังกล่าวของชนกลุ่มน้อยหรือผู้พิการ หรือให้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะบุคคลบางกลุ่ม หรือผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้น • เสรีภาพในการลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง หรือเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง • เสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารที่น่าเชื่อถือจากสื่อมวลชน • เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมืองและการรณรงค์หาเสียงเป็นต้น


FREEDOM OF MEDIA

คำแปล : เสรีภาพของสื่อ

ความหมาย :

เสรีภาพในการสื่อสารกันระหว่างบุคคลหรือการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของบุคคล โดยการใช้เครื่องมือที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารคำว่า Media หมายถึง กิจการที่เป็นสื่อกลาง หรือตัวกลาง เช่น สิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อดิจิตอล หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เสรีภาพของบุคคลที่จะแสดงออกผ่านเครื่องมือที่เป็นสื่อกลางนั้นจะต้องปราศจากการแทรกแซงโดยมิชอบจากรัฐ เสรีภาพดังกล่าวได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่น เสรีภาพของสื่อเป็นสิทธิประกอบด้านหนึ่งของเสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองโดยปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 19 แต่อย่างไรก็ตาม การมีเสรีภาพดังกล่าวอาจมีขอบเขต หรือถูกจำกัดได้ เช่น เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือผลประโยชน์ของรัฐ หรือการใช้สื่อเพื่อละเมิดสิทธิของผู้อื่นตามกฎหมายก็ไม่อาจที่จะกระทำได้ เป็นต้น


FREEDOM OF RELIGION

คำแปล : เสรีภาพทางศาสนา

ความหมาย :

การปลอดจากการถูกจำกัดของบุคคลที่เกี่ยวกับการมีความเชื่อ ยึดถือหรือปฏิบัติตามแนวทางของคำสอนทางศาสนา เสรีภาพทางศาสนา ประกอบด้วยสิทธิในการประกอบศาสนพิธีตามลำพัง หรือร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งในที่ส่วนตัว หรือที่สาธารณะ รวมทั้งสามารถเข้าร่วมพิธี ปฏิบัติ และเผยแพร่คำสั่งสอนทางศาสนา โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อการถูกลงโทษจากรัฐบาล หรือถูกโจมตีโดยชนกลุ่มอื่น เสรีภาพทางศาสนามีความสัมพันธ์กับเสรีภาพด้านอื่น เช่น เสรีภาพในการแสดงออก และการพิมพ์ เสรีภาพในการได้รับข้อมูลข่าวสาร เสรีภาพในการรวมกลุ่มสมาคม และเสรีภาพในการชุมนุม เป็นต้น ดังนั้นในการคุ้มครองเสรีภาพทางศาสนา รัฐต้องประกันเสรีภาพเหล่านี้ด้วย เสรีภาพทางศาสนาได้รับการรับรองโดยข้อ 18 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และข้อ 18 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (ค.ศ. 2007)ได้รับรองสิทธินี้ไว้มาตรา 37 ว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนาหรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในการใช้เสรีภาพตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองมิให้รัฐกระทำการใด ๆ อันเป็นการรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา หรือปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือ แตกต่างจากบุคคลอื่น”


FREEDOM TO TRAVEL ABROAD

คำแปล : เสรีภาพในการเดินทางออกนอกประเทศ

ความหมาย :

อิสรภาพของบุคคลในการเคลื่อนไหว เดินทางข้ามพรมแดนของรัฐออกไปจากรัฐ หรือการกลับเข้ามาในรัฐของตน รวมทั้งอิสรภาพในการกำหนด หรือเลือกจุดหมายปลายทางในการเดินทางได้ด้วยตนเอง โดยปราศจากการแทรกแซงที่ไม่ชอบธรรม (ดู JUSTIFIED INTERFERENCE) เสรีภาพในการออกจากดินแดนของรัฐนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับความมุ่งหมาย หรือระยะเวลาของบุคคลซึ่งเลือกที่จะอยู่นอกประเทศเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ การย้ายถิ่นฐานอย่างถาวร และการตัดสินใจเกี่ยวกับประเทศจุดหมายปลายทางที่จะเดินทางไป สิทธินี้มีความสัมพันธ์กับ “การลี้ภัย” ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในช่วงการจัดทำปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เนื่องจากประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ห้ามบุคคลในประเทศซึ่งมักเกรงกลัวการรังควานจากระบอบการปกครองนั้นเดินทางออกนอกประเทศ การรับรองสิทธิในการเดินทางออกนอกประเทศ จึงเป็นการสร้างเกณฑ์มาตรฐานสิทธิระหว่างประเทศให้กับบุคคลที่อยู่ในภาวะถูกกดขี่ เพื่ออ้างความชอบธรรมในการเดินทางลี้ภัยได้ ซึ่งต่อมาจึงได้มีการจัดทำอนุสัญญาเกี่ยวกับสถานะผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494(Convention relating to the Status of Refugees 1951) ขึ้น เสรีภาพในการเดินทางออกนอกประเทศ เป็นอิสรภาพประเภทหนึ่งจัดอยู่ในอิสรภาพในการเคลื่อนไหว (Freedom of Movement) ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นยังได้รับการรับรองโดยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 12 ซึ่งกำหนดว่า “บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีที่จะออกจากประเทศใด ๆ รวมทั้งประเทศของตนได้” การจำกัดเสรีภาพในการเดินทางอาจทำได้ตามหลัก “การจำกัดเสรีภาพที่ชอบธรรม” ซึ่งต้องทำได้โดยบัญญัติของกฎหมาย กฎหมายนั้นต้องมีวัตถุประสงค์ที่สังคมประชาธิปไตยยอมรับ เช่น การป้องกันอาชญากรรมข้ามแดน การป้องกันการลักลอบการค้ามนุษย์ การกักกันโรคติดต่อ หรือการป้องกันอาชญากรหลบหนีคดีอาญาไปต่างประเทศ เป็นต้น


FRENCH REVOLUTION

คำแปล : การปฏิวัติฝรั่งเศส

ความหมาย :

เหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองของฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1789 (พ.ศ. 2332)ที่เกิดจากประชาชนลุกขึ้นต่อต้าน และโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบสาธารณรัฐ (Republic Regime)การปฏิวัติดังกล่าวนำมาสู่การปกครองแบบเผด็จการทหาร ที่นำโดยนโปเลียนโปนาพาร์ตอยู่หลายปีก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยดังเช่นปัจจุบัน สาเหตุที่นำไปสู่การปฏิวัติมีหลายสาเหตุ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคมของระบอบฐานันดร หรือระบอบชนชั้นทางสังคมของฝรั่งเศส ซึ่งมีสามฐานันดรอันประกอบด้วย นักบวช (ฐานันดรที่หนึ่ง) ขุนนาง (ฐานันดรที่สอง) และประชาชนที่เป็นชนชั้นกลางและชาวไร่ชาวนา (ฐานันดรที่สาม)นอกจากนั้นการที่กษัตริย์ทรงใช้งบประมาณจำนวนมากในการทำสงครามกับอังกฤษประกอบกับการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยของราชวงศ์โดยเฉพาะพระนางมารีอังตัวแน็ต พระราชินี จึงได้เรียกเก็บภาษีจากประชาชนเพิ่มทำให้ประชาชนซึ่งอยู่ในฐานันดรที่สามรู้สึกคับแค้นต่อการถูกกดขี่ประชาชนโดยการนำของนายพล เดอ ลาฟาแย้ต จึงจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาล และได้มีการทำลายคุกบาสติญ ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง และนำไปสู่การประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวแน็ต ช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ได้มีการจัดทำคำประกาศสิทธิมนุษย์และสิทธิพลเมืองฝรั่งเศสขึ้นเพื่อยืนยันความเท่าเทียมของสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ และในฐานะที่เป็นพลเมือง คำประกาศฉบับนี้ได้กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน(ดู Declaration of the Rights of Man and of the Citizen)


FRIENDLY SETTLEMENT

คำแปล : การยุติอย่างฉันมิตร

ความหมาย :

คำว่า “การยุติอย่างฉันมิตร” คือ ผลของกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ผู้ร้องเรียนหรือผู้ยื่นฟ้อง (Complaint หรือ Petitioner) ซึ่งอาจจะเป็นปัจเจกชน กลุ่มบุคคล หรือรัฐฝ่ายหนึ่งกับ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกฝ่ายหนึ่งโดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะแก้ปัญหาในข้อร้องเรียนเพื่อยุติกระบวนการร้องเรียน ปกติองค์กรที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนหรือคำร้องทุก ๆ องค์กร ไม่ว่าจะในระดับระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Human Rights Committee)และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน(Human Rights Council)หรือในระดับภูมิภาค เช่น คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Human Rights Commission)ของสภายุโรปเดิมที่มักจะจัดให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยและช่วยเหลือให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อยุติอย่างฉันมิตร หรือในชั้นการพิจารณาเพื่อรับเรื่อง (Admissibility) ภายใต้ศาลสิทธิมนุษยชนในระบบปัจจุบัน ข้อร้องเรียนหรือคำฟ้องที่ยุติอย่างฉันมิตรมักจะตกลงกันให้รัฐหรือผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเยียวยาความเสียหาย หรือชดใช้ค่าเสียหายในการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ หรือปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติให้สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ตกลงกันจะอยู่ภายใต้การสอดส่องดูแลขององค์กรที่มีหน้าที่รับเรื่องราวร้องเรียนข้อพิพาท